วันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2556
Thai Teacher TV เรื่องลูกบอลสี
Thai Teacher TV เรื่องลูกบอลสี
เป็นการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่องสีบูรณาการกับคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ในกิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ ประกอบลูกบอลสี ตามจินตนาการ
กิจกรรมการเรียนรู้
ครูและเด็กสนทนาเกี่ยวกับลูกบอลว่า มีสีอะไรบ้าง ภาษาอังกฤษเรียกว่าอย่างไร
ในการทำกิจกรรม ครูจะแจกลูกบอลสีให้เด็กคนละ 1 ลูก พร้อมกับเครื่องไหวไปรอบๆห้องอย่างอิสระ
เด็กได้ใช้จินตนาการการของตนเองในการเคลื่อนไหว เด็กมีความสุข เมื่อได้รับความอิสระ
งานวิจัย
งานวิจัยเรื่องความคิดเชิงเหตุผลของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดประสบการณ์แบบปฏิบัติการทดลองกับแบบปกติ
ชื่อผู้แต่ง นวพร ทวีวิทย์ชาคริยะ ปีที่ทำวิจัยสำเร็จ 2541 สถาบัน มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
วัตถุประสงค์
- เพื่อศึกษาความคิดเชิงเหตุผลก่อนและหลังการทดลองของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดประสบการณ์แบบการทดลอง
- เพื่อศึกษาความคิดเชิงเหตุผลก่อนและหลังการทดลองของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดประสบการณ์แบบปกติ
- เพื่อนเปรียบเที่ยบความคิดเชิงเหตุผลของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดประสบการณ์แบบทดลองและแบบปกติ
การใช้ประโยชน์
เพื่อนเป็นแนวทางแก่ครูและผู้เกี่ยวข้องกับเด็กปฐมวัย เพื่อนนำไปจัดประสบการณ์ให้แก่เด็กปฐมวัยเพื่องส่งเสริมความคิดเชิงเหตุผลของเด็กให้ถึงขีดสุดตามศักยภาพ
สรุปสาระสำคัญของการวิจัย
ครั้งที่ 16
วันจันทร์ ที่ 30 กัยายน 2556
เวลา 08.30 - 12.00-12.20 น.
- ได้มีการนำเสนอของเล่นเข้ามุมทั้งหมด พร้อมจัดหมวดหมู่และประเภท
- บอกถึงหลักการและเหตุผลของ ของเล่น พร้อมอธิบายแนวคิดอย่างเข้าใจง่าย
ครั้งที่ 15
วันจันทร์ที่ 23 กันยายน 2556
เวลา 08.30-12.20น.
วันนี้อาจารย์ตฤณ ให้สาธิตการทำต้มจืด โดยการแสดงบททาทสมมติ
โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. สวัสดีคะ เด็ก เห็นอะไรบนโต๊ะครูบ้างคะ เด็กตอบ
2. (เด็กๆเก่งมากค่ะ แล้วให้เด็กๆลองมาทายกันนะค่ะว่าของเหล่านี้สามารถนำมาทำอะไรได้บ้างค่ะ) เด็กตอบ
3 วันนนี้คุณครูจะพาเด็กมาทำแกงจืดเต้าหู้หมูสับกันนะค่ะ....(ไหนใครเคยเข้าครัวช่ายผู้ปกครองทำอาหารกันบ้างอ๋ย)
4 ตอนนี้เรามาเริ่มต้นทำแกงจืดกันเลยดีกว่า ขั้นตอนแรกเราต้องเทน้ำซุบใส่หม้อ ....(มีเด็กคนไหนอยากช่วยครูเทน้ำซุปลงหม้อบ้างเอ๋ย... ยกมือขึ้นค่ะ
5 ในขณะที่รอน้ำในหม้อเดือดครูก็จะหั่นเต้าหู้รอ ครูก็ถามเด็กๆไปด้วยว่าสิ่งที่ครูกำลังหั่นคืออะไรเวลาเด็กอยากทำครูก็บอกว่ามันอัตราย เพราะมีดมีคมอาจจะบาดมื้อของเด็กได้ดั้งนั้นเด็กต้องให้ผู้ปกครองเป็นคนทำนะค่ะ
6เมื่อน้ำในหม้อเดื่อดแล้วครูก้จะปั้นหมูสับลงในหม้อ ให้เด็กได้มีส่วนร่วมโดยการให้เด็กมาช่วยคุณครูปั้นหมูสับโดยที่ครูเป็นคนใส่หมูสับลงหม้อเพราะหม้อมันร้อนอาจจะเกิดอัตรายได้ และบอกให้เด็กสังเกตการเปลี่แปลงของหมูสับที่เรานำลงหม้อ(ตอนนี้เด็กเห็นหมูสับเป็นอย่างไรบ้างค่ะ) เด็กตอบเราก็กล่วาชมหรือตบมื้อให้เด็ก
7 ในระหว่างที่รอหมูสับในหม้อสุก คุณครูก็จะพาเด็กทำกิจกรรม เช่น การร้องเพลงประกอบการทำอาหารไปด้วยเพื่ให้เด็กเกิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน เมื่อหมูสับสุขครูก็ถามเด็กว่า (เด็กว่าหมูสับในหม้อมีการเปลี่ยนเปลงมั้ยค่ัะและเปลี่ยนไปอย่างไรบ้างค่ะ)
8 จากนั้นคุณครูก็จะใส่ผักที่เตรียมไวลงในหม้อ และถามเด็กว่า (มีเด็กคนไหนอยากช่วยคุณครูใส่ผักลงในหม้อบ้างคะ่)เมื่อใส่ผักลงในหม้อก็ให้เด็กสังเกตการเปลี่ยนแปลงของผักที่ใส่ลงไป
9 ต่อจากนั้นคุณครูก็ปรุงรสชาติของแกงจืด ถามเด็ดว่า(มีเด็กคนไห้อยากช่วยคุณครูปรุงรสแกงจืดบ้างค่ะ)
10 พอปรุงรสชาติเสร็จแล้วครูก็จะตักแกงจืดใส่ถ้วยให้เด็กได้ชิมรส ถามรสชาติแกงจืดว่าเป็นอยากไรบ้างและสรุปผลว่าแกงจืดให้ประโยชน์อะไรแก่เด็กๆบ้าง
4 ตอนนี้เรามาเริ่มต้นทำแกงจืดกันเลยดีกว่า ขั้นตอนแรกเราต้องเทน้ำซุบใส่หม้อ ....(มีเด็กคนไหนอยากช่วยครูเทน้ำซุปลงหม้อบ้างเอ๋ย... ยกมือขึ้นค่ะ
5 ในขณะที่รอน้ำในหม้อเดือดครูก็จะหั่นเต้าหู้รอ ครูก็ถามเด็กๆไปด้วยว่าสิ่งที่ครูกำลังหั่นคืออะไรเวลาเด็กอยากทำครูก็บอกว่ามันอัตราย เพราะมีดมีคมอาจจะบาดมื้อของเด็กได้ดั้งนั้นเด็กต้องให้ผู้ปกครองเป็นคนทำนะค่ะ
6เมื่อน้ำในหม้อเดื่อดแล้วครูก้จะปั้นหมูสับลงในหม้อ ให้เด็กได้มีส่วนร่วมโดยการให้เด็กมาช่วยคุณครูปั้นหมูสับโดยที่ครูเป็นคนใส่หมูสับลงหม้อเพราะหม้อมันร้อนอาจจะเกิดอัตรายได้ และบอกให้เด็กสังเกตการเปลี่แปลงของหมูสับที่เรานำลงหม้อ(ตอนนี้เด็กเห็นหมูสับเป็นอย่างไรบ้างค่ะ) เด็กตอบเราก็กล่วาชมหรือตบมื้อให้เด็ก
7 ในระหว่างที่รอหมูสับในหม้อสุก คุณครูก็จะพาเด็กทำกิจกรรม เช่น การร้องเพลงประกอบการทำอาหารไปด้วยเพื่ให้เด็กเกิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน เมื่อหมูสับสุขครูก็ถามเด็กว่า (เด็กว่าหมูสับในหม้อมีการเปลี่ยนเปลงมั้ยค่ัะและเปลี่ยนไปอย่างไรบ้างค่ะ)
8 จากนั้นคุณครูก็จะใส่ผักที่เตรียมไวลงในหม้อ และถามเด็กว่า (มีเด็กคนไหนอยากช่วยคุณครูใส่ผักลงในหม้อบ้างคะ่)เมื่อใส่ผักลงในหม้อก็ให้เด็กสังเกตการเปลี่ยนแปลงของผักที่ใส่ลงไป
9 ต่อจากนั้นคุณครูก็ปรุงรสชาติของแกงจืด ถามเด็ดว่า(มีเด็กคนไห้อยากช่วยคุณครูปรุงรสแกงจืดบ้างค่ะ)
10 พอปรุงรสชาติเสร็จแล้วครูก็จะตักแกงจืดใส่ถ้วยให้เด็กได้ชิมรส ถามรสชาติแกงจืดว่าเป็นอยากไรบ้างและสรุปผลว่าแกงจืดให้ประโยชน์อะไรแก่เด็กๆบ้าง
กิจกรรมสอนเพื่อนทำแกงจืด
ครั้งที่ 14
วันจันทร์ที่ 16 กันยายน 2556
เวลา 08.30-12.20น.
วันนี้ อาจารย์ตฤน สอนเขียนแผนการทำ cooking
โดยแบ่งกันเป็น 6 กลุ่ม
เรียนชดเชย
วันอาทิตย์ ที่ 15 กันยายน 2556
เวลา 08.30 - 12.20 น.
อาจารย์ให้นำเสนองานทุกชิ้นที่ค้างคาอยู่
กลุ่มดิฉันนำเสนอ ของเล่นเข้ามุม
เรื่อง ลิงห้อยโหน
หลักการและเหตุผล
ราวทำหน้าที่คล้ายกระดานหก ส่วนด้ายที่ผูกเป็นจุดหมุน ซึ่งก็คือจุดที่ราวจะหมุนได้รอบ
การที่ห้อยลิงไว้ที่ปลายสุดของราวจะทำให้ราวกระดกมาก
แต่การขยับลิงเข้าใกล้จุดกึ่งกลางจะทำให้ราวกระดกน้อยลง
ทั้งนี้ เพราะเมื่อสิ่งของอยู่ไกลจากจุดหมุนจะมีแรงกระทำต่อราวมากกว่าสิ่งของที่อยู่ใกล้จุดหมุน
การห้อยลิงตัวหนึ่งที่หางของอีกตัวจะเพิ่มแรงกระทำให้มากขึ้นทำให้ราวกระดกลงต่ำกว่าด้านที่ห้อยลิงเพียงตัวเดียว
วันเสาร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2556
ครั้งที่ 13
วันที่ 9 กันยายน 2556
เวลา 08.30 -12.20 น.
ไม่มีการเรียนการสอนเนื่องจากอาจารย์ไปสัมมนาที่สระบุรี
*** หมายเหตุ มีเรียนชดเชยในวันที่ 15 กันยายน 2556
ครั้งที่ 11
วันจันทร์ ที่ 26 สิงหาคม 2556
เวลา 08.20-12.20 น.
อาจารย์ติดธุระของมหาวิทยาลัย
ถ่ายวีดีโอการทดลองกระดุมลอยน้ำ
การนำเสนอการทดลอง
วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2556
ครั้งที่ 8
วันจันทร์ที่ 5 สิงหาคม 2556
เวลา 8.30-12.20 น.
ไม่มีการเรียนการสอน
เนื่องจากเป็นการสอบกลางภาค
เรื่องน่ารู้ มุมวิทยาศาสตร์
ธรรมชาติของเด็กปฐมวัยทุกคนมีความเป็นนักสำรวจโดยใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าอยู่ในตัวเอง เด็กจะใช้การดู ฟัง ดม ชิม และสัมผัสเพื่อค้นหาคำตอบ มุมวิทยาศาสตร์จึงเป็นมุมที่ตอบสนองต่อความต้องการของเด็กได้เป็นอย่างดีสื่อที่ควรจัดไว้ในมุมวิทยาศาสตร์ควรเป็นสื่อจากธรรมชาติ เช่น เปลือกหอย ก้อนหิน เมล็ดพืช รังนก ต้นไม้ ฯลฯ อาจมีการเลี้ยงปลา มีอุปกรณ์อื่นๆ เช่น แว่นขยาย แม่เหล็ก สายวัด คาไลโดสโคป หนังสือหรือโปสเตอร์เกี่ยวกับการทดลอง ชีวิตสัตว์ หรือเรื่องอื่นๆ ที่เด็กสนใจสำรวจและเรียนรู้ ควรจัดให้มีเครื่องเขียน และกระดาษสำหรับบันทึกไว้ด้วย
ครั้งที่ 7
เรียนชดเชย
วันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม 2556
เวลา 8.30-12.20 น.
* ฉันไม่ได้เข้าเรียน เนื่องจากไม่สบาย
ครั้งที่ 6
วันจันทร์ที่ 22 กรกฎาคม 2556
เวลา 8.30-12.20 น.
ไม่มีการเรียนการสอน
เป็นวันหยุดอาสาฬหบูชา
*หมายเหตุ เรียนชดเชยในวันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม 2556
ครั้งที่ 5
วันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม 2556
เวลา 8.30-12.20 น.
- วันนี้อาจารย์ให้นำเสนองานสิ่งประดิษฐ์ของเล่นวิทยาศาสตร์ทุกคน และพร้อมให้คำแนะนำ ในการประดิษฐ์อาจารย์ได้แบ่งออกเป็น 3 ชิ้น คือ
1.งานประดิษฐ์ของเล่น
2.งานประดิษฐ์ที่ใช้ในมุมวิทยาศาสตร์
3.งานประดิษฐ์สำหรับทดลอง
สิ่งประดิษฐ์ชิ้นที่ 1 ลูกโฟมลอยอากาศ
อุปกรณ์
1.หลอด
2.ลูกโฟม
วิธีทำ
ใช้หลอดที่งอได้ ตัดปลายให้เป็นแฉกเพื่อวางลูกโฟม
วิธีเล่น
นำลูกโฟมมาวางที่ปลายหลอดที่ตัดไว้ แล้วเป่าลม
หลักการทางวิทยาศาสตร์ของโยโย่
เป็นแรงดันของลม ซึ่งเมื่อเราเป่าลมทางด้านหนึ่งแรงดันของลมจะทำให้ลูกโฟมลอยตัวขึ้น
- อาจารย์ได้เปิด VDO
- รายการ iSci ความฉลาดแบบยกกำลังสอง ทางช่อง Thaipes
ครั้งที่ 3
วันจันทร์ที่ 17 กรกฎาคม 2556
เวลา 8.30-12.20 น.
- วันนี้อาจารย์ได้กลับมาสรุปเนื้อหาในเรื่องของวิทยาศาสตร์อีกครั้ง โดยครั้งนี้
อาจารย์ได้แยกออกมาเป็นหัวข้อให้เห็นได้ชัดขึ้นในรูปของ Mind Mappingส่วนของเนื้อหาที่พิมพ์ลงไปนั้นอาจารย์จะถามนักศึกษาและเอาคำตอบจากของนักศึกษาเป็นเนื้อหาในแต่ละหัวข้อนั้นๆ

- อาจารย์ได้พูดถึงการดู CD เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คือ เรื่อง มหัศจรรย์ของน้ำ ว่าเนื้อหาเป็นอย่างไรพร้อมกับสรุปให้นักศึกษาฟัง หลังจากสรุปเรื่องนี้เสร็จ
- อาจารย์ให้ดู CD เรื่อง คือ เรื่องความลับของแสง
ความรู้ที่ได้จากการดูวีดีโอเรื่อง ความลับของแสง
แสงคือ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetic wave) ประเภทหนึ่ง ซึ่งอยู่ในช่วงความยาวคลื่นที่สายตามนุษย์มองเห็น หรือบางครั้งอาจรวมถึงการแผ่รังสีแม่เหล็กไฟฟ้าในช่วงความยาวคลื่นตั้งแต่รังสีอินฟราเรด (Infrared) ถึงรังสีอัลตราไวโอเลต (Ultraviolet) ด้วย
ความถี่ของคลื่นแสงที่แตกต่างกันนั้นขึ้นอยู่กับความเร็วในการสั่นสะเทือน ถ้าหากคลื่นแสงยิ่งมีความสั่นสะเทือนมากก็จะยิ่งมีความถี่มากแต่ความยาวคลื่นก็จะยิ่งน้อย โดยแสงที่เรามองเห็นได้นั้นเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่ในระดับที่ดวงตาของมนุษย์สามารถมองเห็นได้ ซึ่งปกติแล้วแสงจะเคลื่อนที่ในสุญญากาศด้วยความเร็ว 299,792,458 เมตรต่อวินาที
จำแนกวัตถุตามการส่องผ่านของแสงได้ดังนี้
วัตถุโปร่งใส คือวัตถุที่ยอมให้แสงส่องทะลุผ่านได้โดยง่าย
วัตถุโปร่งแสง คือวัตถุที่ยอมให้แสงผ่านไปได้เพียงบางส่วน
วัตถุทึบแสง คือวัตถุที่ไม่ยอมให้แสงผ่านไปได้เลย
สมบัติพื้นฐานของแสง
ความเข้ม (ความสว่างหรือแอมพลิจูด) ซึ่งปรากฏแก่สายตามนุษย์ในรูปความสว่างของแสง
ความถี่ (หรือความยาวคลื่น) ซึ่งปรากฏแก่สายตามนุษย์ในรูปสีของแสง
โพลาไรเซชัน ( มุมการสั่นของคลื่น) ซึ่งโดยปกติมนุษย์ไม่สามารถรับรู้ได้
วิธีการนำเสนอ
วิธีการนำเสนอ
นำเสนอโดยวิธีการทำให้เห็นหรือแสดงให้ดู ให้เราเห็นวิธีการทดลองและผลการทดลองเป็นอย่างไร
ประยุกต์ใช้อย่างไร
- นำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ในการสังเกตความเปลี่ยนแปลงของสิ่งรอบตัวและปรับให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงนั้น
งานที่ได้รับมอบหมาย
- ให้นักศึกษาคิดสื่อของเล่นวิทยาศาสตร์ที่ประดิษฐ์ขึ้นจากวัสดุที่เหลือใช้ มา 1 ชิ้น
- ให้เก็บใบไม้ 1 ใบ และทำให้แห้ง
ครั้งที่ 2
วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน 2556
เวลา 8.30-12.20 น.
1.ความหมายของวิทยาศาสตร์สำหรับเด็ก
2.ความสำคัญของวิทยาศาสตร์
3.กระบวนการทางวิทยาศาสตร์
4.แนวคิดพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์
5.อุปสรรคการเรียนรู้
- อาจารย์ให้ดู vdo และอธิบายเกียวกับเนื้อหาvdoดังนี้1.เนื้อหาvdoเรื่อง น้ำ2.มีอะไรบ้างรู้จักการเกิดของน้ำฝน3.vdoเรื่องน้ำได้ทำกิจกรรมอย่างไรบ้าง
วันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2556
ครั้งที่ 1
วันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน 2556
เวลา 8.30-12.20 น.
- วันนี้เรียนเป็นคาบแรกอาจารย์ได้ปฐมนิเทศเกี่ยวกับเนื้อหาการเรียนพร้อมสร้างข้อตกลงเกี่ยวกับการเรียนวิชานี้
- อาจารย์ได้สั่งให้นักศึกษาทำบล๊อคเหมือนเดิมโดยในรายละเอียดของบล๊อคต้องมีเนื้อหาที่เป็นภาษาอังกฤษแทรกอยู่ด้วย
- อาจารย์สอนในวันนี้ คือ เรื่องของพัฒนาการเด็กปฐมวัย ตามด้วยเรื่องของ การจัดประสบการณ์ และเรื่องของวิทยาศาสตร์กับเด็กปฐมวัย
- อาจารย์ยังสอนการทำ Mind Mapping ลงบล๊อคและได้ให้ไปบันทึกบล๊อคพร้อมกับมาลิงค์ในสัปดาห์หน้า
- อาจารย์ได้สั่งให้นักศึกษาทำบล๊อคเหมือนเดิมโดยในรายละเอียดของบล๊อคต้องมีเนื้อหาที่เป็นภาษาอังกฤษแทรกอยู่ด้วย
- อาจารย์สอนในวันนี้ คือ เรื่องของพัฒนาการเด็กปฐมวัย ตามด้วยเรื่องของ การจัดประสบการณ์ และเรื่องของวิทยาศาสตร์กับเด็กปฐมวัย
- อาจารย์ยังสอนการทำ Mind Mapping ลงบล๊อคและได้ให้ไปบันทึกบล๊อคพร้อมกับมาลิงค์ในสัปดาห์หน้า
ได้ความรู้อะไร
- ได้รู้เกี่ยวกับความหมายของพัฒนาการ
- ได้รู้เกี่ยวกับเรื่องของสาระการเรียนรู้
- ได้รู้เกี่ยวกับแนวการสอน การจัดประสบการณ์ วิทยาศาสตร์เด็กปฐมวัย
- ได้รู้วิธีการทำ Mind Mapping
ได้ทักษะอะไร
- ได้ทักษะการใช้เทคโนโลยีกับการเรียน
- ได้ทักษะการคิดและวิเคราะห์
- ได้ทักษะใช้ภาษา
ประยุกต์ใช้อย่างไร
- นำไปประยุกต์ใช้โดยการบันทึกข้อมูลในคาบเรียนแล้วนำมาถ่ายทอดด้วยบล๊อคที่สร้างขึ้นมาเพื่อจะนำความรู้นี้ไปใช้ในชีวิตประจำวันและการจัดประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับในเรื่องนี้
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)